เนื่องจากเมื่อคืนนอนดึก เพราะมัวแต่ทำอะไร ๆ ไร้สาระอยู่ (อ่านเมล์ ดูเว็บอะไรเรื่อยเปื่อย) กว่าจะนอนก็ปาเข้าไปตีสอง(ของที่นี่ – ตีหนี่งของเมืองไทย)
เช้านี้ก็เลยตื่นสาย ตื่นมาแปดโมง(ของที่นี่ – เจ็ดโมงของเมืองไทย)
ขี้เกียจเขียนวงเล็บ () บ่อย ๆ เอาเป็นว่า เวลาที่นี่เร็วกว่าเมืองไทยหนึ่งชั่วโมง
โชคดีที่วันนี้นัดลูกค้าเอาไว้ตอนบ่าย – เพิ่งมารู้จากอัลฟ่าอีกทีว่าเป็นบ่ายสาม ก็เลยค่อย ๆ อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว(ด้วยเสื้อผ้าที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้ซัก ไม่ได้รีด) เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนไม่ได้ซื้อถุงเท้ามาด้วย วันนี้ก็เลยต้องยอมเท้าเน่าหนึ่งวัน ไปหาลูกค้าเขาคงไม่ต้องให้ถอดรองเท้าหรอกน่า
ซีซี โทรมาที่ห้อง บอกว่าไม่ต้องรอกินข้าวเช้า ให้ผมไปกินก่อน เสร็จแล้วค่อยมารีวิวแพ็คเกจที่จะไปพรีเซนต์ให้ลูกค้ากันต่อ
ลงลิฟท์ไปที่ล๊อบบี้ ด้วยความที่ไม่เคยพักที่โรงแรมนี้ ( Dongguan Exhibition International Hotel) ก็เลยเดินไปผิด ไปร้านอาหารญี่ปุ่นเฉยเลย พนักงานต้อนรับ ก็หนีห่าว หนีเจ่า กันใหญ่
พอยื่นคูปองอาหารเช้าให้ดูก็หน้าแตกกันทั้งแขก ทั้งพนักงานต้อนรับ
กินข้าวเช้าเสร็จก็กลับมาที่ห้อง เปิดคอม อ่านเมล์ เตรียมแพคเกจต่อ
โรงแรมที่เมืองจีนสะดวกมาก มีบอร์ดแบนด์อินเตอร์เน็ตให้ทุกห้อง แค่เสียบสายแลนต่อกับโน้ตบุ๊ค ก็ใช้ได้แล้ว รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เมืองจีนพัฒนาไปมาก พัฒนาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทุกครั้งที่ผมมาเมืองจีนจะต้องมีสิ่งก่อสร้าง(ขนาดใหญ่) ใหม่ ๆ กำลังสร้างอยู่เสมอ
ยังไม่มีข่าวคราวคืบหน้าจากสนามบินเรื่องกระเป๋าที่หายไปของผม ตอนเช้าอัลฟ่าลองโทรถามอีกทีก็ยังไม่ได้เรื่อง
ออนไลน์ MSN เจอพรรคพวกที่โรงงาน เลยฝากเจี๊ยบช่วงโทรเช็คกับทางการบินไทยให้หน่อย สรุปว่าเป็นไปตามที่คาด(กรณีเลวร้ายสุด ๆ) กระเป๋าผมติดไปที่เกาหลีจริง ๆ ด้วย
เจี๊ยบบอกว่าเค้าจะส่งกระเป๋ากลับมาให้ที่ฮ่องกงกับเครื่องที่บินกลับมาจากเกาหลี จะมาถึงฮ่องกงตอนประมาณหกโมงเย็น แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้ผมอยู่เมืองตงกวน (สามชั่วโมงจากฮ่องกงโดยทางรถยนต์) คงค่ำ ๆ กว่าจะได้
ผู้โดยสายหลายร้อยคนที่นั่งมาด้วยกัน ทำไมเป็นผมที่กระเป๋าหาย
คู่รักหลายร้อยคู่ที่รักกันนานเป็นปี ๆ จนแต่งงานกัน ทำไมเป็นผมที่ผิดหวัง
คุยกะพี่โชค พี่โชคบอกเมื่อวาน (ที่ผมโดดเรียนเพื่อเดินทางมาที่นี่) อาจารย์มีเก็บคะแนนในห้องอีกแล้ว 10% ใครขาดก็หักไป ให้มันได้อย่างนี้สิ
รีวิวแพคเกจกับซีซี และ อัลฟ่า อีกที แล้วก็ไปกินข้าวกลางวัน
จากนั้นตอนบ่ายก็ไปหาลูกค้า
ผมเดินทางจากเชียงใหม่มาดอนเมือง ดอนเมืองมาฮ่องกง ฮ่องกงข้ามมาจีน (มีผลข้างเคียงคือกระเป๋าหาย) เพื่อมาประชุมที่กินเวลาสองชั่วโมง
แต่ก็เป็นสองชั่วโมงที่น่าอึดอัด ตอบคำถามลูกค้า เรื่องคุณภาพสินค้า ความล่าช้า….. รับฟังคำบ่น แพคเกจที่เตรียมไปก็มีคำถามกลับมาแทบจะทุกสไลด์ ส่วนใหญ่จะตอบได้ แต่ก็มีบางอันที่ไม่ได้จริง ๆ ต้องจดเป็น action ไปตาม follow up อีกที รู้สึกผิดเหมือนกันที่ไม่เตรียมตัวให้ดีกว่านี้
เคยเครียดมาก ๆ ตอนพรีเซนท์โปรเจคตอนจบปริญญาตรี เทียบกับตอนนี้นี่คนละเรื่องเลย โลกแห่งความจริงมันไม่ง่ายเลย
กลับมาโรงแรมตอนห้าโมงกว่า ๆ ขึ้นมาบนห้อง เช็คเมล์อีกที
หกโมงกว่า อัลฟ่าโทรมาเรียกไปกินข้าวกับลูกค้า ก็ลูกค้าพวกเดิมที่อัดเราในห้องประชุมวันนี้แหละ
ไปกินข้าวด้วยกัน บรรยากาศตอนกินข้าวเฮฮามาก ความเครียด ความกดดันที่มีในห้องประชุมเมื่อตอนเย็นละลายหายไปหมด แต่ก็ยังไม่วายโดนลูกค้าแอบบ่นอยู่ดี ครับผมผิดไปแล้วครับ
ทุกคนเป็นคนจีนหมด(มีซีซี ที่เป็นคนสิงคโปร์แต่ก็เชื้อจีน) มีผมเป็นคนไทยคนเดียว(เป็นลูกครึ่งจีน แต่พูดจีนไม่ได้เลย) ตอนกินข้าวก็เลยคุยกันแต่ภาษาจีน ผมเลยรู้สึกเหงาแปลก ๆ เหมือนนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว
เคยดูเรื่อง Lost in translation ก็เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพระเอก นางเอกตอนนี้แหละ ผู้คนมากมาย แต่เหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว
โดยเฉพาะเมื่อผมกำลังคิดถึงใครอยู่…..
อาหารที่มาเสิร์ฟก็เป็นจำพวกอาหารทะเล พาลคิดไปถึงเธอ อีก เธอชอบอาหารทะเล กินไปก็คิดไปว่าถ้าเธอมากินด้วยคงชอบไอ้นู่น ไอ้นี่มาก แล้วก็พาลคิดไปว่าเรื่องของผมกับเธอทำไมมันจบลงง่ายดายอย่างนี้
นั่งทำตาแดง ๆ กลางวงข้าว
กินข้าวเสร็จ ร่ำลาลูกค้าเรียบร้อย กลับมาที่ห้องอีกที อ่านเมล์ มีเมล์ forward มา
มีพระรูปหนึ่งออกบิณฑบาตรผ่านบนสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่พระรูปนั้นเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้บนราวสะพานและกำลังจะกระโดดลงไปในน้ำที่เชี่ยวกราก
พระสงฆ์รูปนั้นเดินไปแล้วถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตาว่า ..."สีกา....ทำไมสีกาจึงคิดสั้นเล่า"ผู้หญิงคนนั้นกลั้นสะอื้นแล้วจึงตอบว่า..."เพราะดิฉันโดนผู้ชายคนหนึ่งที่ดิฉันรักมากที่สุดบอกเลิกเจ้าค่ะพระคุณเจ้า"พระสงฆ์รูปนั้นยืนสงบนิ่งเพียงครู่แล้วกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า ..."สีกา....จงดีใจที่สีกาสูญเสียคนที่ไม่ได้รักสีกา แต่โยมคนนั้นควรจะเสียใจ ที่เค้าสูญเสียคนที่รักเขาไป"…..โดน…..
ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อคนสองคนเลิกกัน คนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกจะรู้สึกเสียใจบ้างหรือเปล่า (เพราะผมเองก็ไม่เคยบอกเลิกใคร)
และบางที ผมก็ยังสงสัยว่า เมื่อคนที่เคยเป็นคนรักกันมาบอกกับเราว่า “….เราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ….” เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ หรือเปล่า
อาจจะเป็นคำพูดที่ทำให้ดูดี ซึ่งความหมายที่แท้จริงของมันอาจจะเป็น “…ออกไปจากชีวิตชั้นซะ…”
สิ่งที่ยากคือ ผมยังไม่พร้อมที่จะออกไปจากชีวิตเธอ ขอยืนตรงขอบ ๆ ริม ๆ อย่างนี้ไปก่อน
ไม่ต้องรักผม แต่อย่าเพิ่งเกลียดผม
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มี update มาจากอัลฟ่าสักครู่ กระเป๋าของผมมาถึงฮ่องกงแล้ว และกำลังถูกขนมาที่โรงแรมที่ผมอยู่ กระเป๋าจะมาถึงโรงแรมภายใน…..เที่ยงคืน
จะพยายามไม่หลับก่อนเที่ยงคืนครับ…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- -
มา update อีกทีตอนเที่ยงคืน
กระเป๋ามาถึงห้องแล้วครับ มาถึงตอนห้าทุ่มห้าสิบเอ็ดนาที นับว่ารักษาเวลาได้ค่อนข้างดี
แต่กระเป๋ามาในสภาพค่อนข้างเปียก คงเพราะข้างนอกฝนตกหนัก ก็ไม่รู้ว่าเขาขนมายังไงนะ
ตอนนี้ผมเลยต้องเอาไดร์เป่าผมเป่ากระเป๋าไปพลาง ๆ ก่อน