My Empty World

Thursday, September 08, 2005

ฟุ้งซ่านก่อนสอบ

อยากหัดถ่ายรูป(อย่างเป็นจริงเป็นจัง)
อยากวาดรูปประกอบนิทาน (หาคนจ้างอยู่)
อยากเช่าหนังซีรี่ย์ อย่าง Band of Brothers มาทั้งชุดแล้วก็นอนเอกขเนกดูมันทั้งวัน
อยากมีเวลานั่งเขียน(พิมพ์)หนังสือ ให้มากกว่านี้ (กำลังมีพล๊อตใหม่อยู่ในหัว)
อยากมีเวลามารื้อฟื้น Auto CAD ที่นับวันจะยิ่งเข้าหม้อ
อยากหัด Illustrator ให้เป็นมากกว่านี้ (หลังจากถนัดแต่ Macromedia Freehand แล้วกลายเป็นแกะดำ ที่ไม่มีใครคบ)
อยากขึ้นไปนอนกางเต็นท์บนดอย ตื่นมาถ่ายรูปเล่นตอนเช้า
อยากหัดทำขนมอบ
อยาก upgrade คอมพิวเตอร์ แล้วไปซื้อ Doom3 มาเล่นให้สะใจ
อยากเอาจักรยานไปซ่อม(ซักที)

ความอยากทั้งหลาย เหล่านี้มักจะผุดขึ้นมาในช่วงที่ผมไม่ค่อยเวลา – โดยเฉพาะเวลาที่กำลังจะสอบ – อย่างนี้เป็นต้น

จะสอบอีกแล้ว รู้สึกเหมือนเพิ่งจะสอบไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้เอง วันเสาร์ อาทิตย์ นี้จะสอบอีกแล้ว

แต่คราวนี้ผมมีเวลามากกว่าทุกครั้ง เพราะงานไม่ยุ่ง แล้วก็เลยถือโอกาสลางานสองวันติดกันเลย (วันนี้ และวันพรุ่งนี้)

มีเวลาสองวัน ตอนเช้าวันนี้ก็เลยถือโอกาสไปทำสิ่งที่ตัวเอง ผัดวันประกันพรุ่งมาแสนนาน – ไปหาหมอฟัน –

เป็นการผัดวันประกันพรุ่งที่นานมาก นานตั้งแต่ผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ แล้วก็มีข้ออ้างว่างานยุ่ง จนไม่มีเวลา จนจุดดำน่ารักบนฟันกรามด้านซ้าย มันค่อย ๆ ขยายออกมาจนโหว่อย่างน่ากลัว อาการเสียวฟันเริ่มออกอาการเวลาดื่มน้ำเย็น ๆ หรือกินของเย็น ๆ

วันนี้ก็เลยได้ฤกษ์ไปตรวจเสียที เมื่อวานโทรไปนัดเวลาว่างที่คลินิก แถว ๆ ประตูเกษตร มอชอ เอาไว้ ก็เลยได้เวลาสบาย ๆ เข้าไปตรวจตอนสิบโมง ผลปรากฏว่า………..

มีฟันผุที่กรามล่างซ้าย 2 ซี่ แบบรุนแรงหนึ่งซี่ (ซี่ที่ส่องกระจกเห็นเอง)แบบเบาะ ๆ อีกหนึ่งซี่
ที่กรมล่างขวาแบบเบา ๆ อีก 2 ซี่
ที่กรามบนซ้าย และ บนขวา แบบเบา ๆ อีกข้างละ 2 ซี่
มีฟันคุดโผล่ออกมาที่กรามบนขวา 1 ซี่
มีหินปูนเกาะเยอะพอสมควร

สรุปวันนี้ผมก็เลยทำแบบเร่งด่วนก่อนคือ อุดฟันซี่ที่ผุรุนแรงสองซี่ทางด้านกรามล่างซ้าย แล้วก็ขูดหินปูน - งานนี้ทำเอาเลือดกลบปาก

ซี่ผุ ๆ ที่เหลือ เอาไว้มาต่อกันวันหลัง

คุณหมอบอกว่าให้พยายามเคี้ยวด้วยกรามขวาไปก่อน สักวันสองวัน แล้วค่อยเคี้ยวได้ตามปกติ แต่เวลาเคี้ยวด้วยกรามซ้ายจะรู้สึกว่ามันขบกันไม่สนิท แต่ไม่เป็นไรเพราะเรซิ่นที่อุดทางด้านบนของฟันมันจะค่อย ๆ สึกและจะขบรับกับฟันกรามบนได้พอดี

เพราะฤทธิ์ยาชาทำให้ผมต้องเป็นคนปากห้อย (ไปครึ่งปาก) พูดไม่ชัด ไปอีกสองสามชั่วโมงหลังอุดฟันเสร็จ

ทำฟันเสร็จแล้วก็เที่ยง โทรหาไอ้เจมส์ มันกำลังจะออกไปกินข้าวกลางวันพอดี ก็เลยแวะมารับผม แถว ๆ คลินิก พร้อมกับพรรคพวกครบแก๊งค์ ไอ้น้อย ไอ้นา ไอ้โป้ง – พากันไปกินเย็นตาโฟศรีพิงค์

แล้วฤทธิ์ยาชาก็ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ในการกินก๋วยเตี๋ยว คือเวลาซดน้ำแกงมันจะร้อนเพียงครึ่งเดียว (เพราะอีกครึ่งนึงมันชาอยู่ ไม่รับรู้ความร้อน) แล้วมันก็จะไปอุ่นต่อในท้อง

คล้าย ๆ กับสัญญาณขาดหายไปชั่วคราวตอนกำลังผ่านริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น แล้วสัญญาณก็มาเชื่อมต่อใหม่กันอีกทีที่คอหอย

กินไป ซึมซับกับประสบการณ์ใหม่ไปจนเย็นตาโฟหมดถ้วย แล้วก็เพิ่งนึกออกว่า เพิ่งไปขูดหินปูนมา – คิดอยู่กว่าการขูดหินปูนมันเป็นการทำให้เคลือบฟันสึกด้วยหรือเปล่า – แล้วเราก็มานั่งซดเย็นตาโฟซอสแดงแจ๋อยู่อย่างนี้

รีบไปส่องกระจก ด้วยอุปาทาน หรือ อะไรก็ตามทำให้ผมเห็นฟันด้านในเป็นสีขาวอมชมพู อย่างผิวมีสุขภาพดี เพียงแต่สีแบบนี้มันไม่ควรมาอยู่บนผิวฟัน เลยต้องรีบบ้วนปากหลังอาหารอย่างรวดเร็ว (และรุนแรง) โชคดีที่สีมันไม่ติดทนนานอย่างที่กลัวไว้

หลังอาหารก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้น้อยมาส่งผมแถวคลินิก แล้วผมก็ขับรถเข้ามาอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุดคณะบริหาร

ด้วยความอิ่ม และแอร์เย็น ๆ ตอนบ่าย ผมก็สะลึมสะลือ จนอ่านหนังสือแทบไม่รู้เรื่อง

ไม่เป็นไรน่า....ยังมีพรุ่งนี้เหลืออีกวัน....

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เมื่อยามที่สายลม พัดโชยผ่าน ดั่งเป็นสัญญาณพาใจให้หวั่นไหว
เพ้อไปถึงใคร ที่ลาร้างไกล จากไปนาน...แสนนาน

เนิ่นนานสักเท่าไร...ฉันยังจำ ถ้อยทำของเธอเป็น...แค่คำหวาน
พลิ้วเพียงลมผ่าน ไม่มีทิศทาง ไม่เคยจริงใจ

ทำใจมานานและไม่คิดที่จะจดจำ แต่ลมยังทำใจฉันล่องลอยไป
ลืม อยากจะลืมความช้ำใจครั้งที่เท่าไหร่ที่หวั่นไหวไปกับสายลม

ใจที่ลอยอยู่....ขอคืน อยากมีสักคราว ที่ฝืนใจหยัดยืนต้านทาน
หยุดคิดถึงเธอสักครั้ง ให้ใจไม่ลอยไปถามหาเธอ

....ฮืมม.....

ทำใจมานานและไม่คิดที่จะจดจำ แต่ลมยังทำใจฉันล่องลอยไป
ลืม อยากจะลืมความช้ำใจครั้งที่เท่าไหร่ที่หวั่นไหวไปกับสายลม

ใจที่ลอยอยู่....ขอคืน อยากมีสักคราว ที่ฝืนใจหยัดยืนต้านทาน
หยุดคิดถึงเธอสักครั้ง ให้ใจไม่ลอยไปถามหาเธอ

ขอเพียงสักครั้ง...ให้ใจไม่ลอยไปคิดถึงเธอ.....

- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
และแล้วก็ล่วงเลยมาเวลาดึก อ่านหนังสือไป เปิดเพลงฟังไป แล้วก็เจอเอาเพลงนี้ อดไม่ได้ที่จะหยุดฟัง ร้องตาม แล้วก็ต้องเอามาเขียนลงในบันทึก

เพลง “ลม” ของสุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง

ก็เป็นแค่ลมหนาวที่เข้ามากระทบ และแม้ว่าผมจะอยากให้มันเป็นลมพัดหวน

แต่ก็คงไม่มีวันนั้นแล้ว

(ขอแอบเหงาเล็ก ๆ แต่ไม่รุนแรง สักวัน)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home