แก๊งคนอกหัก???
แปลกที่จู่ ๆ มันก็โทรมาหา จริง ๆ ผมกับพวกมันไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือนสองเดือนได้แล้วละมัง คงตั้งแต่ที่ผมเลิกกับเธอ มันก็เลยเหมือนผมห่างเพื่อน ๆ ไปด้วย
ผมบอกมันไปว่าผมกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้ว เอาไว้มันกินกันเสร็จแล้ว จะไปไหนกันต่อก็ค่อยโทรหาผม
เอาหนังสือ มาพลิก ๆ อ่าน เห็นจำนวนหน้าของหนังสือแล้วก็ทำให้หมดกำลังใจได้ง่าย ๆ ทีเดียว วันนี้วันพฤหัส อีกสามวันก็จะสอบแล้ว วันนี้เพิ่งเป็นวันแรกที่จะอ่านหนังสือ ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเอกสารที่อาจารย์แจกให้ในห้องนี่ผมเก็บมาครบหรือเปล่า พรุ่งนี้เห็นว่ามีนัดกันอ่านหนังสือที่ใต้ตึก คงพลาดไม่ได้
สามทุ่มกว่า ผมโทรไปหาพวกไอ้เจมส์อีกครั้งหนึ่ง แต่โทรไม่ติด เสียงเหมือนสายไม่ว่างตลอด คิดว่าคงเป็นปัญหาระหว่างเครือข่ายของ AIS กับ ORANGE อีกตามเคย
สุดท้ายโทรมือถือ(ของผม) ไม่ติด ก็ใช้โทรศัพท์บ้านโทร - คราวนี้ติด
บอกมันไปว่าถ้ากินกันเสร็จแล้วให้ตามไปที่ร้านแบล็คแคนย่อน แถวถนนช้างคลาน ผมจะไปนั่งรอที่นั่น
ที่เลือกร้านนี้เพราะข้อแรกมันใกล้บ้านผม ข้อสองที่ร้านขายกาแฟ และข้อสามร้านปิดห้าทุ่ม ก็คงมีเวลานั่งอ่านหนังสือ และ คุยกับพวกมันต่ออีกพักใหญ่
ร้านแบล็คแคนย่อนก็เป็นอีกร้านที่เปิดขายกาแฟจนดึก เกือบใกล้เคียงกับร้านกาแฟเที่ยงคืนของผม(ที่ตอนนี้ยังอยู่แค่ในหัว) เพียงแต่ร้านเค้าขายจำพวก อาหารและเครื่องดื่มประเภทเบียร์ด้วย – ก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ร้านปิดดึก
มานั่งจิบกาแฟรอที่ร้าน เพิ่งสำนึกได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน การกินกาแฟตอนดึกหมายถึงว่าจะต้องนอนดึกมาก แล้วตอนเช้าก็จะตื่นสาย แต่ก็ไม่เป็นไร - การนอนดึกหมายถึงว่ามีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มอีกหน่อย แต่จะเข้าหัวหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง
ที่ร้านไม่ค่อยมีคน ทั้ง ๆ ที่เป็นวันสิ้นเดือน อาจจะเป็นเพราะว่าคืนนี้เป็นคืนวันพฤหัส ถ้าไม่นับผมแล้วก็มีลูกค้าอีกแค่สองโต๊ะเท่านั้น ที่ร้านเปิดเพลงคลอเบา ๆ ก็เข้าใจเลือกเพลงเปิด ถ่านไฟเก่าของพี่เบิร์ด ทุกนาทีที่หายใจของเจมส์ แล้วก็ปลายทางของบอดี้สแลม – ไม่รู้ว่าพนักงานกำลังอกหักเหมือนกันหรือเปล่า – แต่การเปิดเพลงแบบนี้ มันกำลังทำให้ลูกค้าคนหนึ่งถึงกับสะอึกแทบน้ำตาคลอ
สี่ทุ่มแล้ว พวกไอ้เจมส์ยังไม่มา ผมยังคงโทรหามัน(ด้วยมือถือ)ไม่ได้อีกเช่นเคย กำลังจะเดินออกไปนอกร้านเพื่อโทรหาพวกมันที่ตู้โทรศัพท์ ก็พอดีเห็นรถมันเลี้ยวเข้ามา
สรุปเพิ่งมารู้ว่าเรื่องใหญ่ใจความที่มัน(ไอ้เจมส์)อยากคุยกับผมวันนี้คือมันกำลังมีปัญหาระหองระแหงกับแฟน แล้วก็เลยอยากมาปรึกษาผม ต้นเหตุไม่มีอะไรมาก มีเวลาให้กันไม่เพียงพอเท่านั้นเอง – แต่ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ของคนที่เลิกกัน
แล้วมันก็ต้องตกใจเมื่อผมบอกมันไปว่าผมเลิกกับเธอแล้ว การที่มันต้องการมาปรึกษาผมกลับกลายเป็นว่าพวกมันต้องมาช่วยกันปลอบใจผม(อีกรอบ)
ไอ้น้อยถามขึ้นมาทันที “แฟน(เก่า)มึงเป็นเด็กดารารึเปล่าวะ” ผมงง แต่ก็ตอบว่าไม่ใช่
เรื่องของเรื่องคืนตอนนี้พวกกลุ่มเพื่อน ๆ (ไม่นับผมและไอ้เจมส์) กำลังถูกแก๊งค์เด็กดาราหักอก (และหลอกใช้ – สำหรับบางคน) ไม่ว่าจะเป็น ไอ้น้อย ไอ้ศิว และอีกหลายคน – บังเอิญว่าแฟนไอ้เจมส์ก็ดันจบดาราเหมือนกัน ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องคอยลุ้นต่อไป
ไอ้น้อยลุ้นให้เลิกกัน มันจะได้มีน้องใหม่ของชมรม “คนถูก(เด็กดารา)หักอก” ส่วนผมลุ้นในทางตรงกันข้าม ไม่อยากให้เลิกกัน ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนดี อยากเห็นแต่โลกที่สวยงาม และคนรักกัน แต่ผมกลัวว่า ถ้าไอ้เจมส์ต้องเลิกกับแฟนไปอีกคน ต่อจากนี้ไปทุกสุดสัปดาห์พวกมันก็จะมาลากผมออก(จากบ้าน)ไปกินเบียร์เป็นเพื่อนมันอีก – เป็นวัฏจักรนรกแบบเมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมา
ห้าทุ่มแล้ว ร้านปิด พนักงานเก็บโต๊ะ ปิดไฟ พวกเราก็ต้องออกจากร้านมาโดยปริยาย
แยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนจาก ไอ้เจมส์ฝากคำอาฆาตกับผมไว้ว่าจะต้องลากผมออกมากินเบียร์ด้วยกันซักวัน
ผมกลับคิดไปว่า แทนที่มันจะลากผมออกมากินเบียร์ปรึกษานู่นนี่ สู้มันเอาเวลานี้ไปโทรหาแฟน หรือพาแฟนมันออกไปกินข้าว หรือ ดูหนังไม่ดีกว่ารึ – แต่ก็ได้แต่คิด ตั้งแต่ผมถูกทิ้งมานี่ชักจะไม่ค่อยแน่ใจกับคำแนะนำและแนวคิดของตัวเองซะเลย