My Empty World

Saturday, June 04, 2005

Party

เมื่อวานทำงาน

วันนี้เรียนหนังสือ

พรุ่งนี้ยังเรียนหนังสือ

วันมะรืนก็ไปทำงานต่อ

รู้สึกเหนื่อย ๆ เหมือนไม่มีวันหยุด แต่เมื่อคิดว่านี่เพิ่งเป็นอาทิตย์แรกของอีกสองปี(เป็นอย่างน้อย) ที่ผมจะต้องเผชิญกับวัฏจักรเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยเข้าไปอีก

วันนี้มีแต่เรียน กับ เรียน ได้หนังสือ text book ที่ฝากกันถ่ายเอกสารมาทั้งห้อง text book เรื่อง Cost Managing ที่หนาเท่าสมุดโทรศัพท์ เห็นแล้วอยากเอามาหนุนนอนมากกว่าจะอยากเปิดออกมาอ่าน

แล้วอาจารย์ก็สอนโดยการอ่านภาษาอังกฤษแล้วแปลให้ฟัง หมดทั้งวัน (รวมที่อาจารย์มี quiz แบบทีเผลอหลังพักเที่ยง) ก็อ่านไปได้ 56 หน้า

กำลังคิดว่าถ้าอย่างนี้ ถ้าผมเอาหนังสือไปอ่านเอง หนึ่งวันอาจจะได้มากกว่า 56 หน้าซะอีก หึ หึ หึ กำลังคิดได้อย่างนี้ อาจารย์ท่านก็สั่งการบ้านมาเลยสองข้อใหญ่ ๆ

มีงานให้เอากลับไปทำอีกแล้วเรา

เลิกเรียน แล้วนัดกับพี่หม่อมและแอนไว้ว่าจะไปบ้านหัวหน้าด้วยกัน

วันพฤหัสที่ผ่านมาเป็นวันเกิดหัวหน้า แต่แกก็ชวนให้ไปที่บ้านแกในวันเสาร์(ซึ่งก็คือวันนี้) แกบอกว่าเป็นการนัดสังสรรค์ในทีม แต่ในความนัยก็หมายถึงชวนไปฉลองวันเกิดแกนั่นแหละ

พี่หม่อมมีเรียนตอนบ่ายที่คณะบริหารพอดี เลิกเรียนแล้วผมก็เลยยืนรอเจ๊แกต่อที่ใต้ตึก

แอนโทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่ที่โลตัสหางดงแล้ว กำลังจะหาทางไปบ้านหัวหน้า (แอนเคยไปแค่ครั้งเดียว และด้วยความที่บ้านท่านหัวหน้าเราอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลและซับซ้อนเหลือเกิน ทำให้แอนไม่กล้าไปคนเดียว – แต่เอาเข้าจริง ด้วยความที่รอนาน แอนก็ขับรถเดาทางเองไปเรื่อยจนถึง) ผมเลยฝากแอนซื้อเค้ก และอะไรบางอย่างไปทำกินกันที่บ้านหัวหน้าด้วย (อะไรบางอย่างที่ว่าคือเฟรนช์ฟรายส์) ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแวะอีก

พี่หม่อมเรียนเสร็จก็มาเจอกันที่รถ ขับออกมาจากมอ แต่ก็ต้องมารับน้อง CSO ที่เพิ่งเข้ามาใหม่อีกสองคน ก้อย กับ อุ๋ม ขอติดรถไปด้วย แวะรับสองคนเรียบร้อยแล้วก็มุ่งตรงไปยังบ้านท่านหัวหน้า

หัวหน้ายืนรออยู่หน้าบ้านแล้วตอนผมจอดรถ แกกำลังโทรหาคนอื่น ๆ คงกำลังเช็คว่าอยู่ไหนแล้ว (คาดว่ากลัวคนมาน้อยแล้วอาหารจะเหลือ)

เข้าไปในบ้าน จีจี้ ภรรยาของหัวหน้ากำลังวุ่นอยู่ในครัว – กำลังทอดเฟรนช์ฟรายส์ที่แอนซื้อมา – โดยความอยากกินของผม

จีจี้เป็นคนฟิลิปปินส์ (หัวหน้าผมเป็นคนสิงคโปร์) ที่หน้าตาเหมือนคนไทยมาก เป็นคนใจดี และดูแลเรา(ลูกน้องของหัวหน้า)เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ ผมเดินเข้าไปถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า(ตามมารยาทที่ดี) จีจี้กลับถามถึงเธอ บอกว่าคิดว่าผมจะพาเธอมาด้วย

ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ บอกจีจี้ไปว่าเราเลิกกันแล้ว แน่นอนว่าจีจี้ทำหน้าตกใจ และดูเสียใจที่ถามเรื่องนี้ออกมา เป็นผมก็คงรู้สึกไม่ดี ถ้าไปถามถึงแฟนของคนที่เลิกกันแล้ว หรือไปถามถึงญาติที่ตายไปแล้วของใคร รู้สึกไม่ดีทั้งคนถามและคนถูกถาม

แต่ก็นั่นแหละ ความจริงก็คือความจริง เป็นสิ่งยังคงเผชิญอยู่ทุก ๆ วัน – เพียงแค่วันนี้ผมยังเผชิญมันอย่างหน้าชื่นตาบานไม่ได้เท่านั้นเอง

สักพัก เจอาร์ โนโน่ และลีออนก็มาถึง สองคนหลังนั่งตุ๊ก ๆ มาจากโรงแรม โดยมีเจอาร์ขับรถตามมาอีกที (หลงทาง) พี่ป๋อมตามมาอีกทีหลังจากนั้น

แล้วเราก็นั่งกินอาหารด้วยกัน มีบะหมี่(เส้นเหมือนมาม่าที่ต้มจนอืดได้ที่แล้ว)ผัดกับถัวลันเตาและเนื้อหมู จีจี้บอกว่าอันนี้เป็นอาหารฟิลิปปินส์ เวลากินต้องบีบมะนาวโรยข้างบน มีขาไก่ทอดพร้อมกับน้ำจิ้มเผ็ดสุดอร่อย มีแซนด์วิชที่ไส้คงเป็นสลัดไข่ มีสลัดผลไม้ที่คงใส่ชีสและนมข้นมากไปหน่อยเลยรู้สึกว่าเลี่ยนและหวานไปสำหรับผม

แต่โดยรวมแล้วก็อร่อย (เคยมากินข้าวบ้านหัวหน้าตอนคริสต์มาสปีที่แล้วกับอีกปีก่อนหน้านั้น รู้สึกว่าตอนคริสต์มาสจะทุ่มทุนสร้างมากกว่านี้) กินข้าวไป ดูดีวีดีไปด้วยกัน หัวเราะไปด้วยกัน ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นเหมือนกับอีกครอบครัวนึงเหมือนกัน

ดูหนังเก่าเรื่องจูแมนจิ เถียงกับหัวหน้าว่ามันสร้างปีไหนกันแน่ ผมว่าสร้างช่วงปี90s แต่หัวหน้าว่าน่าจะอยู่ในช่วง 80s ปลาย ๆ แต่ก็ลงความเห็นว่ามันคงสร้างก่อนจูราสสิค พาร์ค

เพิ่งสังเกตว่า คริสเต็น ดันสท์ นางเอกเรื่องสไปเดอร์แมน ก็แสดงเรื่องนี้ด้วย (ตอนยังเป็นเด็ก)

อิ่มหนำสำราญกันดี ก็มีการดับไฟ จุดเทียนเป่า แล้วก็ตัดเค้กแจกกัน จีจี้เตรียมเค้กไว้ปอนด์หนึ่ง แอนซื้อมาเพิ่มอีกปอนด์หนึ่ง เลยมีการตัดสองรอบ อิ่มจนแทบจุก

แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับ พี่หม่อมกลับกับผม ส่วนน้อง CSO อีกสองคนกลับไปกับพี่ป๋อม

ก่อนกลับไอ้ก่อกับพี่เอกโทรมาบอกว่าตอนนี้รออยู่ที่มังกี้คลับแล้ว ให้ตามไปด่วนพร้อมทั้งหิ้วเจ้าสิบสองปีขวดที่วางอยู่ที่บ้านผมไปด้วย (พี่เอกฝากซื้อตั้งแต่ผมไปสิงคโปร์คราวก่อน)

แวะไปส่งพี่หม่อมที่มอชอ ระหว่างทาง พี่หม่อมพยายามจะเลียบ ๆ เคียง ๆ แนะนำน้องสาวของเพื่อนเจ๊แกให้ผมรู้จัก แต่ก็นั่นแหละ อารมณ์นี้ ใคร ๆ ผมก็ไม่สน

ส่งพี่หม่อมเสร็จ ก็ไปที่มังกี้คลับ ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ทั้งแก๊งค์ก็อยู่ที่นั่นหมดแล้ว ปรากฏว่าโชคช่วย คนเต็ม ไม่มีที่จอดรถ วนไปวนมาสองสามรถก็ยังหาที่จอดรถไม่ได้ ถึงแม้จะยอมเดินไกล ก็ยังไม่มีที่จอดรถอยู่ดี

ก็เลยได้ข้ออ้างกลับบ้านเลย แต่ก็ยังไม่วายโดนพี่เอกกับไอ้ก่อบอกว่าป๊อด….หาที่จอดรถไม่ได้ก็กลับซะแล้ว

ป๊อดก็ป๊อดไม่ผิดศีล(ข้อห้า)นะครับ…

0 Comments:

Post a Comment

<< Home