My Empty World

Saturday, May 28, 2005

สอบ ไม่สบาย และอีกหลายกิจกรรม

วันนี้สอบเก้าโมง แต่ต้องตื่นมาตั้งแต่ก่อนหกโมง

น้องสาวตัวดีมีสัมมนาที่สวนบัวรีสอร์ท แล้วต้องไปขึ้นรถที่คณะก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ผมเลยต้องตื่นมาอาบน้ำและขับรถไปส่งแต่เช้า

ส่งน้องสาวเสร็จก็แวะมา อมช เพื่อจะกินข้าวเช้า แต่กินไปได้นิดเดียวก็กินต่อไม่ไหว สงสัยเมื่อคืนนอนน้อย แถมอากาศเย็นอีก รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว

แล้วอาการก็มาออกตอนสอบ ผมจามตลอดเวลาในห้องสอบ จามและน้ำมูกไหล จนต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำแล้วม้วนเอาทิชชู่เข้าห้องสอบไปนั่งซับน้ำมูก

โชคดีเป็นการสอบแบบโอเพ่นบุ๊ค เลยไม่โดนอาจารย์ตรวจทิชชู่

ข้อสอบเยอะมากจนทำไม่ทัน แต่ถึงจะทำทัน ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะทำถูก

สอบเสร็จตอนเที่ยง ออกห้องสอบมา โดนพี่โชคด่าเรื่องจามในห้อง แกบอกรบกวนสมาธิแกทำข้อสอบ

สอบเสร็จแต่เราก็ยังไม่กลับ ตอนบ่ายมีพวก MBA ปีสองมาทำกิจกรรมรับน้องปีหนึ่ง(ซึ่งก็คือพวกผมกัน)

กิจกรรมรับน้องก็ไม่มีอะไรมาก แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มย่อย ๆ ตามสีแล้วก็ไปเข้าฐานต่าง ๆ ที่มีพวกปีสองรออยู่ แต่ละด่านก็ทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำความรู้จักกัน

แต่กับผมที่สภาพไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ รู้สึกมันไม่เล็กน้อย

รู้จักเพื่อนร่วมเรียนมากขึ้น บางคนก็แก่กว่า แต่ส่วนใหญ่จะเด็กกว่า

ทำกิจกรรมกันจนถึงสี่โมงครึ่ง ก็ได้เวลาเลิก พี่โชค พี่ป๋อม พี่เอ๋ ชวนไปกินลูกชิ้นทอดหอแพทย์ ผมก็ตกลงไปด้วย จะขับรถตามไป

แต่ยังไม่ไปถึงไหน ไอ้ก่อก็โทรมาหา บอกวันนี้วันนัดดวล มันรออยู่ที่โรบินสันแล้ว

วันนัดดวลมันเริ่มมาจากเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว วันที่ผมกับไอ้ก่อไปกินฟูจิกันสองคน แล้วต่างคนก็ต่างรู้สึกว่าตัวเองอืดน่าดู

“มาแข่งกันดีกว่าพี่ ภายในหนึ่งเดือนใครลดน้ำหนักได้มากกว่ากัน คนแพ้เลี้ยงข้าว” ไอ้ก่อท้า
ผมตกลงเอาด้วย ซึ่งจริง ๆ ก็คงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก คนที่ถูกแฟนทิ้งจะกินอะไรลง?

ขับรถไปที่โรบินสัน หาที่จอดรถได้แล้วก็โทรหาไอ้ก่อ มันรออยู่บนชั้นสี่หน้าร้านฟูจิเรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปหาก็เห็นเจี๊ยบยืนรออยู่เหมือนกัน เจี๊ยบบอกรอขิมดูหนังอยู่ – STAR WARS

ผลก็เป็นไปตามคาด ผมชนะใส ชั่งเดือนที่แล้วได้ หกสิบสาม มาเดือนนี้ได้หกสิบกิโล

นี่อาจจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวของการถูกแฟนทิ้งก็ได้

สรุปว่าไอ้ก่อก็ได้เลี้ยงฟูจิผมตามระเบียบ – เจอวันที่หนัก ๆ มา แล้วได้กินข้าวฟรี ก็เข้าท่าเหมือนกัน

ระหว่างกินข้าวเพิ่งสังเกตว่าขิมก็เป็นคนถนัดมือซ้าย

ผมเองก็ถนัดมือซ้าย เพื่อนที่ทำงานอย่าง พี่ป๋อม จ๋า และพี่เจีย ก็ถนัดมือซ้าย เป็นเรื่องแปลกที่คนถนัดมือซ้ายมารวมอยู่ที่ทำงานเดียวกันได้เยอะขนาดนี้ ถ้านับตามความน่าจะเป็นแล้ว

ไอ้ก่อมีทฤษฎีเพิ่มให้ด้วยว่าคนถนัดมือซ้ายมักจะอายุสั้น – แต่ผมก็มีทฤษฎีอีกอันอยู่ในใจ คนปากเสียจะอายุสั้นที่สุด….

กินข้าวเสร็จพวกเราก็มาเดินดูอะไรสักพัก อาการหวัดของผมยังไม่ดีขึ้นทั้งๆ ที่ตอนกินข้าวจะพยายามกินชาร้อนเข้าไปเยอะ ๆ โดยหวังว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง

เดินไปแถว ๆ เมเจอร์ซีเนเพล็กซ์ ไปเดินลูบ ๆ คลำ ๆ ของเล่นจากหนังเรื่อง STAR WARS ที่เอามาตั้งบูธขายกันหน้าโรงหนัง ในที่สุดก็เจอสิ่งที่ค้นหามานาน มันคือหมวกของ ดาร์ธ เวเดอร์ ขนาดสเกล 1:1 ที่สามารถเอามาใส่ได้จริง แถมคนขายบอกว่าใส่แล้วเสียงจะเปลี่ยนเป็นเสียง ดาร์ธ เวเดอร์ ด้วย

สนใจเป็นอย่างยิ่ง ถามคนขายไปว่าราคาเท่าไหร่ ได้รับคำตอบมาว่าอันละหกพันห้าร้อยบาทเท่านั้นเอง อืมม… แล้วผมก็เดินถอยฉากออกมา ถึงจะรักจะชอบเรื่องนี้แค่ไหน แต่ถ้าของสะสมมันราคาชิ้นละกว่าครึ่งหมื่นก็คงทำใจลำบากอยู่เหมือนกัน ถ้าผมรวยกว่านี้ก็ไม่แน่

ไอ้ก่อสนใจจะดู STAR WARS ขึ้นมา ผมก็ไม่รังเกียจที่จะดูอีกรอบ สุดท้ายมันกับผมสองคนก็เลยเดินไปซื้อตั๋วดูด้วยกันรอบทุ่มครึ่ง ส่วนเจี๊ยบกับขิม ก็เดินดูอะไรไปเรื่อยแล้วก็ขอตัวกลับเอง
ถึงจะดูเป็นรอบที่สอง แต่ผมว่ามันก็ยังสนุกอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่คราวนี้ร่างกายผมไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ รู้สึกว่าไข้ขึ้น อากาศในโรงหนังก็หนาวเหลือเกิน

ดูหนังเสร็จจ๋าโทรมาหา ถามเรื่องนัดพรุ่งนี้ว่าจะไปกันกี่โมง พรุ่งนี้เรามีนัดกัน ไอ้ตั้ม ไอ้ก่อ จ๋า และผม พวกเราได้ก่อตั้งชมรมถ่ายภาพประจำบริษัทขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานนี้เอง โดยมีสโลแกนที่ไอ้ก่อคิดเอง “เพราะมีกล้องจึงท่องเที่ยว”

ผมบอกจ๋าไปว่าไอ้ก่อมันจะมารับผมที่บ้านประมาณแปดโมง กว่าจะไปถึงบ้านจ๋าก็คงแปดโมงครึ่ง

ขับรถกลับบ้าน ง่วงนอนอย่างแรง โชคดีที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากโรบินสันเท่าไหร่

อาการไข้รุมเร้า แถมมีกิจกรรมเยอะมาทั้งวันอย่างนี้ คงหลับเป็นตาย

0 Comments:

Post a Comment

<< Home