My Empty World

Thursday, May 05, 2005

Move Move Move

วันนี้ย้ายที่นั่งในออฟฟิศ

เนื่องจาก BU (Business Unit) ของเราได้รับ CSO (Customer Service Officer) เข้ามาใหม่สองคน แล้วเค้าต้องการให้หมู่ CSO ทั้งหลายได้นั่งด้วยกัน ผมก็เลยถูกอัปเปหิออกมานั่งในอีกบล๊อคนึง

ตอนย้ายออฟฟิศช่วงปีใหม่ครั้งแรกแล้วเราเริ่มมีพาร์ทิชั่นกั้น ผมรู้สึกว่าที่ของนั่งของผมฮวงจุ้ยดีมาก ขณะที่คนอื่นมีปัญหาให้วิ่งกันเป็นลิง สามเดือนแรกของปีผมแทบไม่มีอะไรทำนอกจากตามรายงานส่งให้ลูกค้า

สามเดือนผ่านไป ไม่รู้ว่าใครเอาอะไรไปวางขวางทิศทางลม หรือทำให้เจ้าที่เจ้าทางไม่พอใจ ผมเจอแต่ปัญหาใหญ่ ๆ มาตลอด ต้องกลับบ้านดึก ต้องมาทำงานช่วงสงกรานต์ สุดท้ายก็โดนแฟนบอกเลิก ถึงตอนนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องงานค้างคาอยู่ ต้องเดินทางไปหาลูกค้าอาทิตย์หน้า

วันนี้ได้ย้ายโต๊ะ เลยพยายามคิดว่าจะเป็นนิมิตหมายอันดี

แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด

ที่นั่งใหม่ของผม ทางซ้ายมือเป็น Assistant Engineer ลิ่วล้อผมเอง ใช้งานง่าย แต่ตัวเธอใหญ่ไปหน่อย ลุกนั่งทีอึดอัดนิดนึง

ทางด้านข้างขวามือ เป็นเลขาของโปรดักชั่น ไดเรคเตอร์ เธอก็ต้องนั่งทำรายงานอัพเดตหัวหน้าเธอทุกวัน เนื่องจากต้องตามข้อมูลมาทำรายงานให้เจ้านาย ก็เลยมีแต่พวกโปรดักชั่นมาวนเวียนแถวนี้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเมเนเจอร์ ซูเปอร์ไวเซอร์ มาอัพเดตงานกันตลอด

มาไม่มาเปล่า ก็มาแซวกัน เฮฮา ตอนบ่ายโต๊ะของน้องเธอก็จะกลายเป็นโต๊ะของว่าง มีคนแวะเวียนมากินกันเรื่อย ๆ

ด้านหลังของผมเป็นเลเซอร์พรินเตอร์ ไม่ว่าใครสั่งพรินท์อะไรก็มาออกเครื่องนี้หมด นั่งทำงานแบบไม่ค่อยมีความสุข เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เดินมาเก็บเอกสารที่สั่งพรินท์ไว้ ผมจะเปิดเว็บอะไรไร้สาระก็ไม่ค่อยสะดวก

สรุปแล้วที่นั่งตรงนี้ ผู้คนพลุกพล่าน การหมุนวนของพลังชวี่มีมากเกินไป นับเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ค่อยดี

แต่จะมาบ่นขอเปลี่ยนตอนนี้ก็สายไปแล้ว อีกอย่างไม่มีที่นั่งที่อื่นว่างแล้วด้วย

อาจเป็นไปได้ว่าช่วงนี้มีทัศนะคติที่ไม่ดีต่อชีวิต เลยเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด

แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ได้รู้ว่ามีคนสองคนแอบมาอ่านบันทึกของผม แล้วพวกเขาเป็นห่วงเป็นใยผมแค่ไหน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจจริง ๆ ครับ


วันนี้ตอนเย็นเพิ่งมีโอกาสเอากล้องถ่ายรูปไปให้แอน

กล้องถ่ายรูปนี้มีประวัติการเดินทางยาวไกลมาก แอนไปอเมริกาเมื่อปีที่ แล้วไปซื้อกล้องถ่ายรูปที่นั่น พอจะเดินทางกลับเมืองไทยช่วงประมาณสงกรานต์ จะด้วยความรีบร้อนหรืออะไรก็ไม่ทราบ แอนลืมกล้องไว้ที่นั่น

แต่เมื่อรู้ว่า วารุณี กำลังจะมาเมืองไทย แอนก็ให้เพื่อนเอากล้องไปให้วารุณีถือมาเมืองไทยด้วย

บังเอิญวารุณีนั่งเครื่องมาไฟลท์เดียวกับ แบรด ก็เลยฝากแบรด ต่อมาอีกทอด

แล้วแบรดก็เอามาฝากผมต่ออีกที ทิ้งไว้ที่บ้านผมหนึ่งคืน วันนี้ก็เลยเพิ่งจะได้ฤกษ์ เอาไปให้แอน


เพิ่งนึกเรื่องตลก ๆ (แบบขมขื่นออก)

ตอนผมกับเธอคบกันใหม่ ๆ เธอชวนผมไปดูดวงด้วยกัน
ผมไม่ไป บอกเธอไปว่า ถ้าหมอดูว่าดวงเราไม่สมพงศ์กัน แล้วจะยังไง จะเลิกกันเหรอ ถ้าผลออกมาดี ก็ดีไป ถ้าออกมาแย่ ถึงเราไม่มีเรื่องทะเลาะกันในตอนนี้ แต่ถ้าวันไหนมี มันก็พร้อมจะเป็นอีกแฟคเตอร์นึงที่ทำให้ความสัมพันธ์มันยิ่งบานปลายกันไปใหญ่ อยากให้ความสัมพันธ์ของเราอยู่ที่การกระทำมากกว่าดวง

สรุปวันนั้น เราไม่ได้ไปดูหมอ

เรื่องตลกอันแรกคือ วันที่เธอบอกเลิกกับผม ตอนเช้าเธอไปดูหมอกับเพื่อนมา

เรื่องตลกอันที่สองคือ พอเธอบอกเลิกกับผม ด้วยสติอันเคว้งคว้าง ผมเอาวันเดือนปีเกิดของเธอกับผม ไปดูดวง(แบบออนไลน์) ปรากฏว่าดวงเราสมพงศ์กัน เข้าคู่กันได้อย่างดี

เป็นเรื่องตลกที่ขมขื่นทีเดียว

ความรัก และ ดวงชะตา เป็นสิ่งที่ลึกลับนัก

1 Comments:

  • At 12:57 AM, Blogger AUY ^ ^ said…

    แอบมาอ่านหลายวันแย้ว
    วันนี้ขอปรากฎตัว
    ร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้สู้ชีวิตนะ

    ปาฐิหารย์มีจริงเสมอ สำหรับผู้ที่ศรัทธา

     

Post a Comment

<< Home