My Empty World

Friday, April 29, 2005

พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว

วันนี้ตอนเช้า พอเข้ามาที่ออฟฟิศ สักพักก็ขอรถตู้ออกไปทำวีซ่า ที่สถานทูตจีน ออกไปตอนเก้าโมงเช้า กลับมาอีกทีตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง ที่กลับมาสายเพราะมัวไปนั่งรอน้องคนนึงซื้อของมาเตรียมงานอยู่ ระหว่างรอก็ออกมาเดินเล่นแถว ๆ ที่จอดรถ อีกแล้ว เวลาอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ ก็ไม่วายที่จะคิดถึงเธอ ไม่รู้ป่านนี้เธอจะทำอะไรอยู่ งานยุ่งหรือเปล่า เธอจะแบ่งเวลามานึกถึงผมบ้างไหม รู้ว่าคิดถึงเธอแล้วทรมานอย่างนี้ ก็ยังไม่วายที่จะอยากอยู่คนเดียว แล้วปล่อยใจตัวเองไปหาเธออีก บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกมาโซติกส์ ชอบความเจ็บปวด

กลับมาถึงออฟฟิศสักพักก็กินข้าว เห็นจ๋ามันจัดกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวเรียบร้อยแล้ว กะว่าเลิกงานก็ไปขึ้นเครื่องเลย จ๋าเอากล้องถ่ายรูปที่ซื้อใหม่มาอวด fuji S5500 มีแต่คนเล็ง ๆ รุ่นนี้ไว้แฮะ ไอ้ก่ออีกคน เห็นว่าราคากำลังตก ไม่รู้จ๋าจะว่าไงถ้าหากกล้องที่เมื่อวานซื้อมาหมื่นสี่พันกว่าบาท จะเหลือหมื่นสองพันกว่าบาทในอีกเดือนสองเดือนหน้า แต่เอาเหอะ ซื้อมาเพื่อใช้ ไม่ได้เพื่อขายต่อ ผมเป็นกำลังใจให้

สรุปไอ้ก่อมาบอกว่าที่นัดจะไปกันวันอาทิตย์นี้ ไอ้โดมเพื่อนมันไปไม่ได้ ฉะนั้นแล้ว ผมต้องไปกะพวกมันด้วย (ต้องโดดเรียน) ด้วยเหตุผลสองข้อใหญ่คือ
1) มันไม่อยากเป็นผู้ชายคนเดียวในการเดินทาง (นอกจากมันแล้ว มีแฟนมัน น้องสาวแฟน และเพื่อนผู้หญิงที่โรงงานอีกสองคน)
2) พอไอ้โดมไม่ไป ก็ไม่มีกล้องถ่ายรูป เพราะหลังจากเห็นกล้องมีแนวโน้มว่าราคาจะตก มันก็เลย ยังไม่ซื้อ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีกล้องถ่ายรูปไปถ่ายตอนไปเที่ยวกัน ผมจึงต้องไป(เพราะผมมีกล้องถ่ายรูป)

วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ พวกพี่เอกนัดกันไปเมาอีกแล้ว (เป็น follow up action จากคราวก่อน) ใจจริงแล้วไม่อยากไปด้วยเลย ไม่อยากเมาตอนเศร้า ๆ เรื่องของผมและเธอเป็นสิ่งที่มีค่า และผมไม่อยากเอาไประบายในวงเหล้าโดยไร้สติ ตั้งแต่วันที่เธอบอกเลิกกับผม ผมก็เข้าใจได้เลย ว่าทำไมคนที่อกหักถึงพากันไปกินเหล้า เพราะเวลาแห่งความเศร้ามันช่างเนิ่นนานเสียจนเราไม่รู้จะผ่านมันไปได้อย่างไร เหล้าจึงเป็นเครื่องมือย่นระยะเวลาของวันต่อวัน คืนต่อคืน

เพิ่งรู้ว่าเรื่องเศร้าของผมที่ระบายให้น้องคนหนึ่งรับรู้ มันทำให้ชีวิตของน้องคนนั้นว้าวุ่นไปด้วย (เธอเรียกว่าเวิ่นเว้อ) เธอเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับแฟนของผม คือเปิดใจรับคนใหม่ ในขณะที่คนเก่า เธอก็ยังไม่ลืม และยังรู้สึกดี ๆ กับเขาอยู่ กรณีของผมทำให้น้องเค้ารู้สึกไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเอง กลัวจะทำให้แฟนของเธอ(ในปัจจุบัน) มีอาการเหมือนผม ถ้าอะไรมันไม่เป็นไปตามที่คิด แต่บทสรุปของเธอก็คือ วันนี้คือวันนี้ จงมีความสุขกับวันนี้ให้มากที่สุดแล้วอะไรจะเกิดมันก็เกิด

ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องเค้าและแฟนของเค้าด้วย จริงทีเดียวว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด กรณีของผม ผมพยายามทำทุกอย่างแล้วที่จะอ้อนวอนและเหนี่ยวรั้งให้เธอไปไม่ไป แต่สิ่งที่ผมพยายามเหนี่ยวรั้งมันคือจิตใจ ไม่ใช่สสารที่จับต้องได้ สุดท้ายก็คงต้องปล่อยมันไป โดยที่ยังไม่วายแอบมีความหวังว่าสิ่งนั้นจะกลับมาหาผมได้อีก

ถ้าถามว่าถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก แล้วผมยังจะเดินเข้ามาในชีวิตของเธออีกหรือเปล่า คำตอบคือใช่ ความปวดร้าวมันโหดร้าย แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นคือการที่ผมได้เคยมีเธออยู่ในชีวิตช่วงหนึ่ง

วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ห้ามใจตัวเองให้โทรไปหาเธอไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่รับสาย….

0 Comments:

Post a Comment

<< Home