My Empty World

Thursday, April 14, 2005

วันเหงา ๆ กับเด็กกำพร้าวัดดอนจั่น

ตอนนี้รู้สึกเหงามาก วันนี้ไม่ต้องไปออฟฟิศ เลยอยู่บ้านคนเดียว ขนเอาหนังที่ยังไม่ได้ดูมาดูให้หมด วันเดียวดูไปสามเรื่อง ( The Incredible , National Treasures, Garfield ) นี่ยังไม่รวม เรื่องสายล่อฟ้า ที่ดูไปตั้งแต่เมื่อคืน เอาไว้จะมาเขียนวิจารณ์หนังทีหลัง (ตอนนี้อยากลองเป็นนักวิจารณ์ หนังกับเขาบ้างเหมือนกัน) ดูไป นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เปิดพัดลมจ่อหน้า มีความสุขชะมัด

ดูหนังจบ ก็พอดีได้เวลาที่นัดกับพวกเพื่อน ๆ มอปลายเอาไว้ วันนี้นัดกันว่าจะไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าที่วัดดอนจั่น
ด้วยความที่วัดไม่ไกลจากบ้านมาก ก็เลยไปอาบน้ำก่อน แล้วก็ขับรถออกไปกดเงิน เวลาจอดรถต้อง จอดลึกๆ แล้วก็ดูซ้าย ดูขวา ดูทางให้ดี ๆ ก่อนออกมาจากรถเพราะไม่งั้นอาจเปียกปอนโดยไม่อยากก็ได้ จากนั้นก็ขับรถไปที่วัด

เนื่องด้วยขับรถผ่านวัดดอนจั่นนี้บ่อย ๆ ตอนไปทำงาน ทำให้มั่นใจในเส้นทางมาก แล้วในที่สุดก็ขับรถเลยทางเข้าไปจนได้ แล้วก็ต้องขับไปอ้อม ทางไปสันกำแพง จริง ๆ เกือบผ่านไปทาง 103 คอนโดมิเนียม ตรงดอนจั่นด้วย จริง ๆ อยากแวะเข้าไปดูเหมือนกันว่ามันนึกยังไงมาสร้างโด่อยู่ตึกเดียว แถว ๆ นี้ คนที่อยู่ไม่รู้จะกลัวผีหลอกมั่งรึเปล่า

นอกเรื่องไปเยอะ ในที่สุดก็ขับรถมาถูกทางและมาถึงวัดจนได้ จอดรถแล้ว มองซ้ายมองขวา ให้แน่ใจว่ามาถูกวัด เพราะมองไม่เห็นเพื่อน ๆ ซักคน โดยเฉพาะได้เจ้าเบียร์ม้าที่โทรมานัดเอาไว้ ก็ยังไม่เห็นมีใครโผล่ออกมาให้เห็นซักคน กำลังจะโทรหาเบียร์ม้า ก็พอดี หนุ่ม คงศักดิ์ตะโกนเรียกออกมาพอดี สรุปว่าที่มอกันตอนนี้ มีคงศักดิ์ แอนโดเรมอน และกระผมเอง

ขณะนั้น น้อง ๆ เด็กกำพร้าที่วัดก็เริ่มทยอย กันมาที่ลานใต้ตึก (กะว่าคงเป็นที่ประชุมพลรับประทานอาหารในทุกวัน) กันแล้ว กะว่าคงประมาณร้อยกว่าคน แต่ละคนอายุตั้งแต่หกเจ็ดขวบ ไปจนถึงสิบห้าสิบหกก็มี (ดูจากหน้าตานะ อายุจริงเท่าไหร่ไม่รู้) พวกน้องเด็ก ๆ จะค่อย ๆ ทยอยกันมาเป็นกลุ่ม แต่ละคนถือถาดใส่อาหารของตัวเองมาด้วย คนที่มาถึงก่อน ก็จะนั่งลง เอาถาดอาหารวางไว้ข้างหน้า แล้วก็นับเลข หนึ่ง สอง สาม สี่ …… เหมือนประหนึ่งจะส่งเสียงดังเรียกเจ้าพวกที่ยังมาไม่ถึงให้มาถึงเร็ว ๆ
แต่ขอโทษ ด้วยความที่ประมาณ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของน้องพวกนี้คงเป็นชาวเขา ก็เลยออกเสียงเป็น หนื่อ สอ สา สี่ …

พวกเด็ก มาถึงก็จัดแถว แล้วก็มีหัวหน้าหมู่ออกมานับจำนวนคนด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในค่าย รด จนน้องๆ มากันครบหมด นั่งเรียงแถวแล้ว ก็ยังไร้วี่แวว พวกไอ้ม้า มีแต่ใหม่(แฟนไอ้ม้า) ที่มาถึงก่อน แล้วมานั่งรวมกันกับพวกเราด้วย บอกว่าเมื่อกี่เพิ่งโทรหามันอยู่ ไอ้ม้าบอกว่ามาถึงแถว ๆ โรงบาลลานนาแล้ว เนื่องจากคุณชายม้ามัวมาเพื่อน ๆ ไปเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ ก็เลยกว่าจะฝ่ารถในตัวเมืองออกมาได้

พวกเราที่อยู่ที่วัดแล้ว เลยตัดสินใจไม่รอมันแล้ว จะเริ่มตักข้าวเลย น้อง ๆ เค้าก็มีการนับจำนวนคน ออกมารายงาน (มีเด็กโต ๆ เป็นหัวหน้าหมู่) มีการบอกจำนวนจริงในแถว ป่วยกี่คน กลับบ้านกี่คน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีรายละเอียดมากกว่านี้แต่ฟังไม่ค่อยออก ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะน้อง ๆ พวกนี้เค้าพูดไทยกันไม่ชัดนั่นเอง

กำลังตักข้าว กับข้าว ให้น้อง ๆ เค้าอยู่ ก็พอดี พวกไอ้ม้ามาถึงพอดี มี อ๊อบ ขวัญ น้องสาวของอ๊อบ เป้ เมฆ น้องของเมฆ แล้วก็คงเพื่อนของน้องของเมฆ แล้วก็เพื่อนของน้องของอ๊อบ อีกที สรุปคือมากันประมาณสิบคน รู้จักประมาณครึ่งนึงเอง ข้าวที่พวกเราตักให้นี่ว่าเยอะแล้ว พูนออกมาบนถาดทีเดียว ( ถ้าเป็นผมกินคนเดียวก็คงไม่หมด) แต่นี่ซักพักน้องเค้าก็มาขอเติมข้าวอีก เด็กกำลังโตก็งี้แหละ เสียดายที่กับข้าวที่เตรียมไปไม่ได้เผื่อว่ามีการเบิ้ล ก็เลยไม่มีกับจะเติมให้ มีแต่ข้าว

จากข้าวแล้วก็เป็นของหวาน เป็นลอดช่องผสม สาคู มีน้ำกะทิ ใส่น้ำแข็งก้อนไปหน่อย แต่แค่นี้ก็ถูกใจน้อง ๆ เค้ามากแล้ว ถาดก็ถาดเดิมกับที่กินข้าวไปเมื่อกี๊นี้แหละ น้องๆ เค้าย้ายข้าว ที่เหลือไปไว้หลุมอื่น ให้เราเติมของหวานที่หลุมข้าว ซึ่งเป็นหลุมที่ใหญ่ทีสุด

เห็นน้อง ๆ เค้ากินแล้วก็สะท้อนใจนิดหน่อย ขับรถผ่านอยู่เกือบทุกวันแท้ ๆ แต่ไม่เคยรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนี้ มีเด็กที่โอกาสน้อยกว่าคนอื่นที่อยู่แถวนี้ บางคนกางเกงขาด เสื้อปะ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเสี้อที่แถมมากับน้ำมันเครื่องหรือปุ๋ย อะไรทำนองนี้)

พวก ไอ่จิ วิทย์ แล้วก็มน(ดำ) ก็ตามมาทีหลัง หอบเอาผลไม้มาด้วย แต่ดูแล้วเกรงว่าไอ้ผลไม้ที่มนหอบมามันอาจจะไม่พอกับจำนวนคนของน้อง ๆ เท่าไหร่ (อาจจะได้กินกันคนละคำ)

กินข้าวกันเสร็จแล้ว พวกน้อง ๆ เค้าก็ส่งตัวแทนออกมากล่าวคำขอบคุณ ( ในคำขอบคุณนี้เรียกพวกเราเป็น พ่อ เป็น แม่ ) และพร้อมใจกันร้องเพลงค่าน้ำนม โดย เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ที่จะเน้นพยางค์ นึงนาน ๆ จนทำให้คนฟังเข้าใจว่า พวกเค้าลืมเน้อแน่ ๆ แล้วทันใดนั้นก็จะกระแทกเนื้อร้องท่อนไปออกมาก ประมาณว่า ตูไม่ลืมหรอกเฟ้ย

เสร็จธุระเรื่องเลี้ยงข้าวน้อง ๆ เด็กกำพร้าแล้ว ก็นัดแนะกันว่าจะไปกินข้าวกันต่อ แอนโดเร บอกว่าโทรไปจองโต๊ะไว้ที่ สโมสรวิทยุการบินเรียบร้อยแล้ว ทุ่มนึง กำลังกะว่าจะไปกับพวกนี้พอดี ก็พอดี มิ้มโทรมาบอกว่าที่บ้านตั่วโกว ทำสุกี้กินกัน ด้วยความที่เมื่อวานก็ไปไม่ทันกินข้าวกับพวกญาติ ๆ แล้ว วันนี้ก็เลยไปซะหน่อย

ขับรถไปบ้านตั่วโกว กินข้าว แล้วก็พาป๊า ม๊า มิ้ม และพวกลูกพี่ลูกน้อง กลับมาเชียงใหม่ สี่รายหลังอยากมาเดินไนท์บาซาร์กัน รวมมากันแปดคน รถเร่งไม่ขึ้นเลยอ่ะ แค่อ้น กับ อุ๋ม นี่ก็คงเกือบสองร้อยกิโลแล้ว

กลับมาบ้าน โทรหาเธอตอนห้าทุ่ม ยังไม่รับสายแฮะ ไม่รู้อาบน้ำอยู่ หรือไปเที่ยวมาเหนื่อยจนเผลอหลับไปแล้ว หรือทำอะไรเพลินอยู่ วันนี้คงไม่ได้คุย แค่ส่ง SMS ไปหาบอกว่าคิดถึงแค่นั้นเอง

เค้าบอกว่าภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้นับพันคำ แต่ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีภาพอะไรเหมาะสมที่จะถ่ายความรู้สึกของผมในตอนนี้ออกมาดีนะ อาจจะเป็นแค่พื้นกระดาษขาวแล้วมีจุดหนึ่งจุด แทนความรู้สึกอ้างว้างว้าเหว่ แบบไร้ที่พึ่ง หรืออาจจะเป็นแค่สีดำล้วนระบายทั่วกระดาษ แทนความเหงาที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกภายใน

พรุ่งนี้คงต้องเข้าไปที่ ออฟฟิศอีก เฮ้อ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home